ชื่อวิทยาศาสตร์ Spathiphyllum
cannaefolium [Dryand.]
ชื่อสามัญ Fragrant
Spathiphyltum.
ชื่อวงศ์ Araceae
ชื่ออื่นๆ เดหลีดอกขาว เดหลีใบเล็ก หน้าวัวไทย เจ็ดทิวา
เป็นไม้ประดับที่โดดเด่นมากชนิดหนึ่ง
เนื่องจากให้ดอกสีขาวที่สวยงาม จึงมักเป็นที่นิยมนำไปเป็นไม้ประดับในอาคาร
เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง ในขณะที่มีความสามารถสูงในการดูดพิษภายในอาคาร
เดหลีเป็นไม้ประดับที่มีใบสีเขียวเข้มมันเป็นวาว ดอกเป็นช่อสีขาวหรือขาวแกมเหลือง
กาบหุ้มช่อดอกมีสีขาวคล้ายดอกหน้าวัว เป็นไม้พุ่มเตี้ยสูงประมาณ 30-60
เซนติเมตร
โดยธรรมชาติเดหลีชอบขึ้นอยู่ตามริมลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ประดับในอาคารเดหลีก็สามารถปรับตัวได้ดี
แม้จะมีความชื้นต่ำและรับแสงจากหลอดไฟฟ้า เพียงแต่ดินต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
เป็นไม้ประดับในจำนวนน้อยชนิดที่สามารถออกดอกได้ภายในอาคาร
ใบ ใบเดี่ยว
เรียงเวียนสลับ รูปรีแกมรูปขอบขนาน ยาว 25-30 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ
ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย
ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมันและเป็นร่องตามแนวเส้นใบชัดเจน ก้านใบยาว กาบใบมีปีก
ดอก สีขาวบางพันธุ์มีกลิ่นหอม
ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดที่ปลายกิ่ง มีจานรองดอกสีขาวรูปไข่ โค้งงอเล็กน้อย
กว้าง 4-5 เซนติเมตร ยาว 18-21 เซนติเมตร
ปลายเรียวแหลมด้านหลังอาจมีสีเขียวปนบ้าง ปลีดอกยาว 5-6 เซนติเมตร
ดอกย่อยมีขนาดเล็กมีกลีบดอก 6 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน
เดหลีสามารถดูดสารพิษจำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์ และสามารถดูดได้ในปริมาณมาก จึงไม่ควรลืมที่จะนำเดหลีประดับไว้ในสำนักงานหรือบ้านเรือน
เดหลี มีถิ่นกำเนิดที่ โคลัมเบีย เวเนซูเอลา ต้องการน้ำปานกลางควรรดน้ำสม่ำเสมอเพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้นหาก
หมั่นทำความสะอาดใบจะช่วยป้อกันแมลงได้ดี การบำรุงรักษาใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1-2 ครั้ง นิยมปลูกเป็นไม้กระถาง โดยใช้ส่วนผสมของดินร่วน ปุ๋ย เศษใบไม้ผุ และทรายหยาบในอัตรา2:1:1:1ชอบแสงแดดอ่อนหรือรำไร คือถูกแดดเพียงอ่อนๆครึ่งวัน หากแดดจ้าใบจะไหม้ ตามธรรมชาติแล้วเดหลีชอบขึ้นอยู่ตามริมลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน แต่เมื่อนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับภายในห้องหรือในอาคารสถานที่ แต่ เดหลี ก็สามารถปรับตัวอยู่ได้ แม้จะมีความชื้นต่ำและรับแสงจากหลอดไฟฟ้าได้นาน ตราบเท่าที่ดินยังมีความชื้นอยู่ ถ้าต้องการให้เดหลีมีใบที่สวยเป็นมัน ก็จะต้องหมั่นใช้ผ้าหรือฟองน้ำที่อ่อนนุ่มเช็ดถูอยู่บ่อยๆ
เดหลีสามารถดูดสารพิษจำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์ และสามารถดูดได้ในปริมาณมาก จึงไม่ควรลืมที่จะนำเดหลีประดับไว้ในสำนักงานหรือบ้านเรือน
เดหลี มีถิ่นกำเนิดที่ โคลัมเบีย เวเนซูเอลา ต้องการน้ำปานกลางควรรดน้ำสม่ำเสมอเพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้นหาก
หมั่นทำความสะอาดใบจะช่วยป้อกันแมลงได้ดี การบำรุงรักษาใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1-2 ครั้ง นิยมปลูกเป็นไม้กระถาง โดยใช้ส่วนผสมของดินร่วน ปุ๋ย เศษใบไม้ผุ และทรายหยาบในอัตรา2:1:1:1ชอบแสงแดดอ่อนหรือรำไร คือถูกแดดเพียงอ่อนๆครึ่งวัน หากแดดจ้าใบจะไหม้ ตามธรรมชาติแล้วเดหลีชอบขึ้นอยู่ตามริมลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน แต่เมื่อนำเข้ามาปลูกเป็นไม้ประดับภายในห้องหรือในอาคารสถานที่ แต่ เดหลี ก็สามารถปรับตัวอยู่ได้ แม้จะมีความชื้นต่ำและรับแสงจากหลอดไฟฟ้าได้นาน ตราบเท่าที่ดินยังมีความชื้นอยู่ ถ้าต้องการให้เดหลีมีใบที่สวยเป็นมัน ก็จะต้องหมั่นใช้ผ้าหรือฟองน้ำที่อ่อนนุ่มเช็ดถูอยู่บ่อยๆ
การดูแลรักษาเดหลี เดหลีนั้นต้องการแสงแดดรำไร โดยชอบอยู่ในอุณหภูมิ
ประมาณ 18
- 24 องศาเซลเซียสและความชื้นสูง ควรรดน้ำตามสภาพของดิน
แต่ควรรดเพิ่มขึ้นในฤดูร้อนและลดในฤดูหนาว ดินที่ปลูกเดหลีได้ดีนั้น ควรเป็น
ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน ใบไม้ผุๆ 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละ 1 - 2 ครั้ง และ ควรเปลี่ยนกระถางทุกปี
การขยายพันธุ์เดหลี แยกกอ
โรคและแมลง ถ้าอากาศแห้งแล้ง
จะมีแมงมุมแดงมาเกาะอยู่ตามใต้ใบ ส่วนโรคไม่ค่อยพบ


